ข้อแตกต่างระหว่างอาหารเม็ดกับอาหารบาร์ฟ

อาหารเม็ดกับอาหารบาร์ฟ

ว่ากันด้วยเรื่องของอาหารน้องๆ สัตว์เลี้ยงนั้น มีมากมายหลายแบบที่น่าสนใจเลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งอาหารของพวกเค้ามีทั้งที่กินได้และกินไม่ได้ เหมาะหรือไม่เหมาะด้วยเช่นกัน วันนี้เราอยากจะมาแนะนำเกี่ยวกับ “ข้อแตกต่างระหว่างอาหารเม็ดกับอาหารบาร์ฟ” กันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม

รู้จักกับอาหารเม็ด

อาหารเม็ด คือ อาหารมื้อหลักที่ให้น้องหมามีสุขภาพที่ดี รสชาติที่แสนอร่อย เม็ดอาหารที่พอดีคำจะช่วยให้พวกเค้ามีความเพลิดเพลินไปกับการกินอาหารมากขึ้น รวมไปถึงการดูแลเพิ่มเติมด้วยขนมและผลิตภัณฑ์ดูแลเหงือกและฟัน

รู้จักกับอาหารบาร์ฟ

อาหารบาร์ฟ (BARF) ย่อมาจากคำว่า “Bones and Raw Food” คือ การเตรียมอาหารที่มีส่วนประกอบมาจากเนื้อส่วนต่างๆ เครื่องใน กระดูกสัตว์ รวมไปถึงไข่และพืชผักผลไม้ ที่ไม่ผ่านการให้ความร้อน ซึ่งสามารถปรุงได้เองหรือสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดก็ได้ ซึ่งจุดการให้อาหารแบบบาร์ฟนั้น เชื่อกันว่าเป็นการเลียนแบบการกินอาหารตามธรรมชาติของสัตว์ จะทำให้สัตว์มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เสี่ยงต่อโรคอ้วน และมีอายุที่ยืนยาว สามารถหลีกเลี่ยงสารเคมีปรุงแต่งต่างๆ ในอาหารที่สามารถส่งผลเสียต่อสัตว์ได้

ข้อดีของการให้ “บาร์ฟ” แก่สัตว์เลี้ยง

1.สัตว์เลี้ยงได้รับสารอาหารที่เหมาะสม
2.มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายของสัตว์เลี้ยง
3.ผิวพรรณและร่างกายของสัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดี
4.ขนเงางาม, ฟันสะอาดปราศจากกลิ่นปากในสัตว์เลี้ยง

สารอาหารที่สำหรับคัญสำหรับน้องหมา

– โปรตีน (Protein)

เป็นสารอาหารที่สามารถหาได้จากทั้งพืชและสัตว์ ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด ซึ่งมีหน้าที่ช่วยในการพัฒนามวลกล้ามเนื้อ สร้างเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ โดยปกติแล้วอาหารสำหรับลูกสุนัขควรมีโปรตีน 22-28 เปอร์เซ็นต์ อาหารสำหรับสุนัขโตเต็มวัยควรมีโปรตีน 10-18 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจจะมีสัดส่วนที่มากขึ้นเมื่อเป็นอาหารบาร์ฟ ส่วนอาหารสำหรับสุนัขที่อายุมาก หรือเป็นโรคไตควรเลือกโปรตีนที่มีคุณภาพและจำกัดปริมาณที่ได้รับ เพราะ การได้รับโปรตีนสูงเป็นเวลานาน อาจทำให้ตับและไตทำงานหนักขึ้นได้

– คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate)

อาหารสุนัขหลายสูตรมักจะประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรต อย่าง ข้าว ข้าวโอ๊ต เมล็ดธัญพืช และมันฝรั่ง โดยเฉพาะในอาหารเม็ด เพื่อเป็นตัวช่วยในการยึดส่วนผสมทุกอย่างให้จับตัวกันเป็นก้อน อีกทั้งยังทำให้อิ่มท้อง และเป็นพลังงานที่ดีให้แก่สุนัข ซึ่งในอาหารสุนัขทั่วไปจะมีคาร์โบเดรตไม่น้อยกว่า 23% ส่วนในอาหารเม็ดสำเร็จรูปมีอยู่ระหว่าง 30-60% แต่การให้คาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไปก็อาจทำให้เกิดการสะสมจนเกิดเป็นโรคอ้วนได้ (Obesity) นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงแหล่งคาร์โบไฮเดรตจากข้าวโพดแบบ Corn gluten meal หรือวัตถุดิบที่เหลือจากการทำแป้งข้าวโพด เพราะ สุนัขจะไม่สามารถย่อยและทำให้เกิดอาการท้องอืดได้

– ไขมัน (Lipid)

ประกอบด้วยกรดไขมันชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย (Essential fatty acid) เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้จึงจำเป็นต้องรับเข้าไปจากอาหาร ได้แก่ กรดไขมันชนิดโอเมก้า-6 และ โอเมก้า-3 จะช่วยเพิ่มความน่ากินและรสชาติที่ดีให้แก่อาหาร ช่วยบำรุงผิวหนังและขนให้สวยเงางาม รวมถึงช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินบางชนิดได้ดีขึ้น การเลือกอาหารจึงไม่จำเป็นต้องเลือกสูตรไขมันต่ำหรือไร้ไขมัน แต่ควรเลือกส่วนผสมของกรดไขมันที่มีประโยชน์ เช่น ไขมันไก่ น้ำมันพืช น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันแฟล็กซีน และน้ำมันปลา

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ข้อแตกต่างระหว่างอาหารเม็ดกับอาหารบาร์ฟ” ที่พวกเราได้รวบรวมมาฝากท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ คิดว่าน่าจะเป็นข้อมูลที่ดีสำหรับทุกๆ ท่านกันนะครับ

Back To Top